ข้อมูลบริษัท

ประวัติ

ประวัติ

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2501 เข้าจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในนาม บริษัท ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์ จำกัด (ชื่อเดิม) ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก จำนวน 100,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100 บาท โดยมีทุนชำระแล้วเป็นจำนวนมูลค่าหุ้นละ 25 บาท รวมมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 20,000,000 บาท

ในเดือนมกราคม 2536 บริษัท ได้รับอนุมัติเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET: The Stock Exchange

พ.ศ. 2538-2555 เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็กชุบสังกะสี แผ่นเหล็กและหลังคาชุบสังกะสีเคลือบสีคุณภาพสูงภายใต้ เครื่องหมายการค้า “สามดาว” “หนึ่งดาว” “DDD” และ “TIW” และขยายธุรกิจไปยังธุรกิจการให้บริการติดตั้งหลังคาและผนังโดยเป็นการให้บริการอย่างต่อเนื่องแก่ผู้รับเหมาก่อสร้างหลักของโครงการในแต่ละโครงการก่อสร้างที่มีอยู่ทั่วประเทศ และได้ผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนมีชื่อเสียงในการเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็กชุบสังกะสี และแผ่นเหล็กชุบสังกะสีเคลือบสีคุณภาพสูง

เมษายน 2563 บริษัทดำเนินการโอนธุรกิจเดิม ได้แก่ ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็กชุบสังกะสี และแผ่นเหล็กชุบสังกะสีเคลือบสีทั้งแบบแผ่นและแบบม้วน รวมทั้งสิทธิ หนี้สิน ลูกหนี้ เจ้าหนี้ และความรับผิดใด ๆ รวมทั้งพนักงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ให้แก่บริษัท ทีไอดับบลิว อินดัสตรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของบริษัทซึ่งบริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99 เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท

มิถุนายน 2563 บริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงาน โดยให้บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99 (บริษัท เดอะ โซล่าห์ อาเขต จำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563) เข้าลงทุนในหุ้นทั้งหมดของหุ้นสามัญของ 8 บริษัทในกลุ่มกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยวิธีการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) โดยมีมูลค่าซื้อขายรวม 215 ล้านบาท

วันที่ 9 กันยายน 2563 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยคุณ ปาลีรัฐ ปานบุญห้อม เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้มีอำนาจควบคุมของ บริษัท โดยถือหุ้นจำนวน 33,691,968 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 61.53 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) และจากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวน 3,311,368 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 55.18 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท ในราคาหุ้นละ 181 บาท

พ.ศ. 2564  บริษัทดำเนินการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท วินชัย จำกัด จำนวน 2,598,750 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26.25 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในราคารวม 660 ล้านบาทจากคุณปาลีรัฐ ปานบุญห้อม หรือนิติบุคคลที่คุณปาลีรัฐเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท

บริษัทดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อของบริษัท ชื่อย่อหลักทรัพย์ ดวงตราของบริษัท ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และเพิ่มเติม

วัตถุประสงค์ของ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน โดยมีชื่อใหม่เป็น “บริษัท โนวา เอมไพร์ จำกัด (มหาชน)” และจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท ทีไอดับบลิว อินดัสตรี่ จำกัด

นอกจากนี้ช่วงปลายปี 2564 บริษัทได้อนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท วินชัย จำกัด ผ่าน การรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) จากบริษัท เดอะ แพลนเน็ต เอ็กซ์ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 2,413,125 หุ้น มีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24.375 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท วินชัย จำกัด ทำให้บริษัทถือหุ้นในบริษัท วินชัย จำกัด ณ ขณะนั้นรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,011,875 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 50.625 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่งผลให้วินชัยเป็นบริษัทย่อยของบริษัทในช่วงมกราคม 2565 หลังการโอนเสร็จสมบูรณ์

ในไตรมาส 4 ของปี 2565 บริษัทได้ดำเนินการลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท วินชัย จำกัด ผ่านการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) จากบริษัท เดอะ แพลนเน็ต วาย โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 2,413,125 หุ้น ทำให้ ณ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นเป็นจำนวนร้อยละ 75.00 ของหุ้นสามัญที่ออกชำระแล้วของบริษัท วินชัย จำกัด ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในวันที่ 27 ธันวาคม 2565

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 ได้มีมติอนุมัติการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญของบริษัท วินชัย จำกัด (“วินชัย”) จำนวน 7,425,000 หุ้น หรือร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของวินชัย ให้กับบริษัทย่อยของบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (“บริษัทเสริมสร้าง”) ซึ่งเป็นการขายหรือโอนกิจการของบริษัทบางส่วนที่สำคัญ รายการที่เกี่ยวโยงกัน และรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญของบริษัท ผ่านการของบริษัท ท็อป เอมไพร์ จำกัด (“Top Empire”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ถือหุ้นร้อยละ 100.00 ซึ่งจะเป็นผู้ถือหุ้นสามัญของวินชัย จำนวน 7,425,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 75.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของวินชัย ให้แก่ บริษัท พลัส เอนเนอจี้ จำกัด  (“Plus Energy”) ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัท เนื่องจาก Plus Energy เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทเสริมสร้างถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99  ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ Plus Energy โดยบริษัทเสริมสร้างถือหุ้นในบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 32,330,000 หุ้น หรือในสัดส่วนร้อยละ 19.02 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท

ทั้งนี้ Top Empire เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นสามัญของ Top Empire ในสัดส่วนร้อยละ 100.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดใน Top Empire โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานใหม่ของบริษัท อย่างไรก็ดี การเข้าทำธุรกรรมการโอนกิจการทั้งหมดในครั้งนี้ Top Empire จะโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดให้แก่ Plus Energy ซึ่งรวมถึงหุ้นที่ Top Empire ถืออยู่ในวินชัยด้วย ทั้งนี้ ภายหลังธุรกรรมการโอนกิจการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ วินชัยจะสิ้นสุดสถานะการเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัท และ บริษัทย่อยของบริษัท จะไม่มีการถือหุ้นในวินชัย และ Top Empire จะดำเนินการเลิกบริษัทตามเงื่อนไขการเข้าทำธุรกรรมการโอนกิจการทั้งหมด

นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 ยังได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท โนวา เอ็กซ์ จำกัด (“Nova X”) ซึ่งบริษัท เดอะ โพรดิจี กรุ๊ป จำกัด (“โพรดิจี กรุ๊ป”) ถือหุ้นร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดย Nova X เป็นบริษัทไทยที่ผ่านการคัดเลือก Pre-Qualification ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (“PTTEP”) สำหรับงานให้บริการนอกชายฝั่งประเภทเรือกักเก็บและถ่ายน้ำมันดิบเพื่อให้บริการแก่แท่นขุดเจาะ (Floating Storage and Offloading, and Offshore Rig Service) ณ โครงการหลุมน้ำมัน G1/61 หรือแหล่งปลาทอง กลางอ่าวไทย โดยได้เข้าทำสัญญากับบริษัท ปตท. สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (“PTTEP ED”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTEP ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง (Offshore Business)